“ไก่ไข่อินทรีย์วิถีสระแก้ว” เป็นหนึ่งในนโยบายการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ปีกที่ดำเนินการอยู่ในเขตจังหวัดสระแก้ว โดยมีสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสระแก้ว เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการและดูแลมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในพื้นที่ 9 อำเภอ ของจังหวัด และได้มีเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีเกิดขึ้นในพื้นที่อย่างมากมาย
นอกเหนือจากการเลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์วิถีสระแก้วแล้ว ยังมีโครงการส่งเสริมการเลี้ยงไก่พื้นเมืองอินทรีย์วิถีสระแก้ว เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจ
โดยมูลเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการส่งเสริมการเลี้ยงไก่ไข่และไก่พื้นเมืองในระบบอินทรีย์นั้น เนื่องจากปัจจุบันไก่พื้นเมืองที่เกษตรกรเลี้ยงด้วยวิถีอินทรีย์ เป็นที่นิยมบริโภคมากในประเทศเพื่อนบ้าน จนผลิตไม่พอขาย ด้วยวัสดุที่มีอยู่ในชุมชน ทำให้เนื้อไก่ที่ได้ไม่มีสารตกค้าง เมื่อนำมาบริโภคมีรสชาติที่ชวนกิน เนื้อแน่นและนุ่ม จึงมีการสั่งนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมาก
ขณะที่ไข่ไก่อินทรีย์ก็เช่นกัน ขณะนี้เกษตรกรที่เลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์ ผลิตไข่ไก่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ทางจังหวัดสระแก้วจึงเร่งส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาเลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์ให้มากขึ้น เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค
ไข่อินทรีย์ คือไข่ปลอดสารพิษที่ได้มาจากแม่ไก่ที่เลี้ยงแบบธรรมชาติ ไม่มีการฉีดฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต หรือกินอาหารที่มีสารพิษตกค้าง
บ้านเลขที่ 83 หมู่ที่ 5 ตำบลคลองหาด อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว โทร. (086) 167-8494 บ้านของเกษตรกรคนเก่งอีกคนหนึ่งของจังหวัดสระแก้ว คุณเฉลย และ คุณสมใจ ละม้ายพันธ์ เป็นหนึ่งในเกษตรกรตัวอย่างและผู้ริเริ่มการเลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์จนประสบความสำเร็จ และสามารถผลิตไข่ไก่อินทรีย์ออกจำหน่ายได้อย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้จะมีเรียกกันติดปากว่า ไข่คลองหาด ซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่า เป็นไข่ไก่อินทรีย์ที่มาจากแม่ไก่อารมณ์ดี
“การที่แม่ไก่อารมณ์ดีนั้น มีสาเหตุมาจากระบบการเลี้ยงของเราที่เน้นให้เป็นไปตามวิถีธรรมชาติ หรือที่เรียกว่าการเลี้ยงไก่อินทรีย์ ที่เน้นการเลี้ยงปล่อย คือปล่อยให้ไก่เดินเล่นอย่างเป็นอิสระตามธรรมชาติ ไม่เลี้ยงในกรงตับ ซึ่งเป็นการช่วยลดความเครียดของไก่ ทำให้ไก่ไข่ที่เลี้ยงได้ออกกำลังกาย ได้คุ้ยเขี่ยอาหารตามธรรมชาติ ทำให้ไก่สุขภาพแข็งแรง ด้านอาหารก็เลี้ยงด้วยสูตรอาหารธัญพืชปลอดสาร ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ ไม่ใช้ฮอร์โมนเร่ง ปล่อยสารเร่งสี และใช้น้ำหมักชีวภาพ สมุนไพรต่างๆ เพื่อให้ไก่มีสุขภาพแข็งแรง”
“เมื่อไก่ไข่ที่เลี้ยงอารมณ์ดี มีสุขภาพดี ผลผลิตที่ได้ก็มีคุณภาพดีตามมาด้วย แถมยังปลอดสารพิษ เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค มีคนจากประเทศญี่ปุ่นมาเที่ยวที่ฟาร์ม เขาบอกว่า ไข่ไก่ของผมคุณภาพดีมาก ไม่มีกลิ่นคาว รสชาติออกมันๆ เขาตอกใส่ปากกินสดๆ เลย” ลุงเฉลย กล่าว
ทั้งนี้ ลุงเฉลย บอกกล่าวถึงจุดเริ่มต้นว่า มาจากอาการป่วยของภรรยาคือ ป้าสมใจ ที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ และได้มีข้อแนะนำจากแพทย์แผนไทยที่รู้จักกัน ให้ป้าสมใจกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
“หมอแนะนำว่า กินอาหารเป็นยา”
จาก คำว่า อาหารเป็นยา ได้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่การเป็นปศุสัตว์ด้านไก่ไข่อินทรีย์จนถึงปัจจุบัน
“แต่ก่อนทำเกษตร ใช้สารเคมีมาเยอะ ซึ่งร่างกายผมเองก็รับไม่ไหว แต่พอเปลี่ยนมาเป็นเรื่องของอินทรีย์ที่ไม่ต้องมีสารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้อง เดี๋ยวนี้สุขภาพดีขึ้นมาก ต่างกับอดีตที่ผมปลูกมันสำปะหลัง ปลูกข้าวโพด อย่างมากมาย ที่เคยใช้สารเคมี แต่ก่อนผมจะมีปัญหาว่าทำงานหนักแล้วเหนื่อยง่ายมาก”
ลุงเฉลย บอกว่า ปี 2549 เป็นปีแรกของการเริ่มต้นด้วยไก่ไข่ที่ได้รับการสนับสนุนจากเงินของกองทุนหมู่บ้าน จำนวน 7 ตัว และต่อมาได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการ อย่าง สำนักงานปศุสัตว์อำเภอคลองหาด ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์สระแก้ว เข้ามาสนับสนุนในด้านต่างๆ จนเกิดการพัฒนาและเกิดการรวมกลุ่มของเกษตรกรที่สนใจ อีก 20 คน กลายเป็นกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์อำเภอคลองหาด
แต่ที่สำคัญคือ ผลงานความสำเร็จของลุงเฉลยและทางกลุ่มเกษตรกรได้แพร่กระจายออกไปตามสื่อต่างๆ ทำให้มีผู้สนใจได้เดินทางมาเยี่ยม และนำไปเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพในหลายจังหวัด
ปัจจุบัน ลุงเฉลย เลี้ยงไก่ไข่อยู่ทั้งหมด 300 ตัว โดยเป็นสายพันธุ์ไก่ไข่ที่นำลงเลี้ยงมาตั้งแต่ ปี 2552
“ทุกวันนี้ ยังได้ไข่อยู่เลย เปอร์เซ็นต์การให้ไข่ดี เช่น ไก่ไข่ จำนวน 90 ตัว ได้ไข่ 79-80 ฟอง ที่ผมยังไม่เปลี่ยน เพราะต้องการศึกษาว่า ถ้าเราเลี้ยงในลักษณะไก่ไข่อินทรีย์แบบนี้ ตัวไก่จะสามารถให้ผลผลิตได้นานขนาดไหน เพื่อให้เป็นข้อมูลแก่เกษตรกรผู้สนใจใหม่ๆ ได้นำไปประยุกต์ใช้”
ลักษณะการเลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์ของลุงเฉลย จะเป็นคอกที่แบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่เป็นโรงเรือนเพื่อให้ไก่ได้ใช้เป็นที่นอน โดยจะทำคอนให้ไก่ไว้เกาะนอนช่วงกลางคืน และกินน้ำ อาหาร อีกส่วนเป็นพื้นที่แปลงหญ้า เพื่อให้ไก่ออกมาหากินหญ้า แมลง ตามธรรมชาติ ทั้งนี้ อัตราการปล่อยเลี้ยงมีข้อแนะนำว่า พื้นที่ 1 ตารางวา ต่อไก่ 1 ตัว และให้มีรังไข่ 1 รัง ต่อไก่ 9 ตัว
สำหรับในส่วนของอาหารที่ให้ไก่กินนั้น จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ อาหารหลัก ได้แก่ อาหารข้น และอาหารเสริมต่างๆ ตามธรรมชาติ
“อาหารที่ใช้เลี้ยงผมผสมอาหารเอง โดยไม่ให้มีเคมี ใช้วัตถุดิบทั้งที่ผลิตได้เองและซื้อมา โดยประยุกต์สูตรอาหารมาจากศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์สระแก้ว โดยผมจะถอดส่วนผสมที่เป็นสารเคมีออก แล้วเพิ่มในส่วนของสมุนไพรเข้าไปแทน โดยจะมีส่วนผสมของ ข้าวโพด กากถั่วเหลือง ถั่วอบ รำ เกลือ เปลือกหอย”
สำหรับสมุนไพรที่ลุงเฉลยใช้ผสมให้ไก่กินนั้น ส่วนมากจะเป็นสมุนไพรที่สามารถหาได้ง่ายในพื้นที่ เช่น ใบเตย ต้นโทงเทง มีสรรพคุณแก้หวัดในสัตว์ ต้นฟ้าทลายโจร มีสรรพคุณฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ใบฝรั่ง มีสรรพคุณแก้ท้องเสีย หญ้าจีนแดง มีสรรพคุณใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ ซึ่งตามคำแนะนำที่ผมเคยไปอบรมมา บอกว่า ต้องนำมาหมักก่อนแล้วผสมน้ำให้ไก่กิน แต่ผมมองว่ามีขั้นตอนเยอะไป ผมเลยนำมาตากแห้งบ้าง หรือบางครั้งก็ใช้สด แล้วผสมลงไปในอาหารโดยตรง ซึ่งอาหารข้น 100 กิโลกรัม จะใส่สมุนไพรลงไป ประมาณ 1 กิโลกรัม ไก่ที่ผมเลี้ยงกินสมุนไพรแบบนี้เข้าไปด้วย ทำให้แข็งแรง ไม่เคยป่วยเป็นโรค ซึ่งที่ฟาร์มผมไม่เคยทำวัคซีนให้กับไก่เลย
“ไม่ใช่เฉพาะที่ต้องเป็นสมุนไพรอย่างเดียว แม้แต่พืชผักต่างๆ ที่เรากิน ไม่ว่า พริก ข่า ตะไคร้ มะละกอ ตำลึง หรือต้นกระถินที่ขึ้นริมรั้ว ก็ล้วนเป็นประโยชน์ต่อไก่ทั้งสิ้น เรานำมาให้ไก่กินได้เลย”
ลุงเฉลย บอกว่า สำหรับอาหารข้นที่ผลิตขึ้นนั้น จะนำมาให้ไก่กิน วันละ 2 ครั้ง ในช่วงเช้าและบ่าย
“ไก่ไข่ตัวหนึ่งจะกินอาหาร วันละ 1 ขีด ดังนั้น ถ้าไก่ 10 ตัว ก็จะกินอาหาร 1 กิโลกรัม เราก็แบ่งให้กินในช่วงเช้า 0.5 กิโลกรัม และประมาณบ่าย 3 โมงเย็น จะให้อาหารอีก 0.5 กิโลกรัม พร้อมทั้งมีน้ำสะอาดให้กินตลอดเวลา”
ส่วนอาหารเสริมตามธรรมชาติ จะเน้นการปล่อยให้หากินเองตามธรรมชาตินั้น ลุงเฉลย บอกว่า การปล่อยให้กินหญ้า แมลง ตามธรรมชาติ จะเริ่มปล่อยตั้งแต่ 4 โมงเย็น ทุกวัน ซึ่งไก่จะหากินจนมืดและจะกลับขึ้นคอกนอนเอง
“นอกจากปล่อยให้กินหญ้าตามธรรมชาติแล้ว บางช่วงผมก็จะปลูกผักไว้ในพื้นที่ข้างๆ ด้วย เช่น ผักคะน้า กวางตุ้ง ผักบุ้งจีน ซึ่งต้นสวยๆ ป้าสมใจจะคัดออกไปจำหน่าย ส่วนที่เหลือก็จะเก็บมาโยนให้ไก่กิน ผักที่ปลูกจะไม่มีการใช้สารเคมีใดๆ ทั้งสิ้นเช่นกัน หากมีโรคแมลงเกิดขึ้น ผมก็จะใช้น้ำหมักสมุนไพรฉีดพ่น”
ลุงเฉลย ได้กล่าวถึงด้านการตลาดไข่ไก่อินทรีย์ที่ผลิตได้ในขณะนี้ว่า ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ
“ตอนนี้ความต้องการมีมาก ไม่เฉพาะในพื้นที่อำเภอคลองหาดเท่านั้น ตามจังหวัดต่างๆ ก็ติดต่อเข้ามากันเยอะ แต่ผมมีข้อจำกัดว่า ทำกับป้า 2 คน เราจึงไม่สามารถขยายออกไปให้เพียงพอกับตลาดได้ ตอนนี้เราจึงขายเท่าที่เรามีไป แต่ผมบอกได้เลยว่า หากทำอย่างถูกต้อง ได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์ว่าเป็นไก่ไข่อินทรีย์แล้ว เรื่องตลาดไม่ต้องเป็นห่วง มีความต้องการสูงมาก” ลุงเฉลย กล่าวทิ้งท้าย
ภาพและข้อมูลจาก http://www.matichon.co.th